มองย้อนไปในอดีตในวันที่ 24 ตุลาคม 1985 ณ เมืองลิเวอร์พูล หัวใจหลักแห่งการค้าขายทางทะเลของประเทศอังกฤษ เป็นสถานที่ให้กำเนิด เวย์น รูนีย์ ซึ่งมีสองทีมที่สาวกต้องเลือก ระหว่าง ลิเวอร์พูล และ เอฟเวอร์ตัน แต่ รูนี่ย์ ได้เติบโตมากับครอบครัวที่เป็นสาวกของ เอฟเวอร์ตัน เขามีพรสวรรค์ในฟุตบอลตั้งแต่เขายังเป็นเด็ก
ในปี 1996 เวย์น รูนี่ย์ เขาเริ่มก้าวขาเข้าสู่วงการลูกหนัง ด้วยการเป็นนักเตะเยาวชนของเอฟเวอร์ตัน ด้วยวัยเพียง 11 ปี เนื่องจากผลงานอันโดดเด่นของเขา ก่อนที่จะได้ก้าวขึ้นมาในทีมชุดใหญ่ของเอฟเวอร์ตัน โดยมีชื่อเป็นตัวสำรอง ในปี 2002 ซึ่งในตอนนั้นเขามีอายุเพียง 16 ปี
แต่ในฤดูกาลต่อมา เส้นทางสายฟุตบอลของ รูนี่ย์ ดูเหมือนจะไม่ค่อยราบรื่นเท่าไรนัก เนื่องจาก เอฟเวอร์ตันต้นสังกัดของเขาทำผลงานได้ไม่ดี และ รูนี่ย์ ยังประสบปัญหาอาการบาดเจ็บมารบกวน รวมถึงมีข่าวที่ไม่ดีเกี่ยวกับพฤติกรรมส่วนตัวของเขาที่ชอบท่องเที่ยวยามค่ำคืน
มาในปี 2004 รูนี่ ก็มีโอกาสได้เจิดจรัสอีกครั้ง เมื่อเขาไปรับการเรียกตัวเข้าติดทีมชาติอังกฤษในศึกฟุตบอลยูโร2004 ซึ่งมีคู่หูคือ ไมเติม อ้วน และในปีนั้นกับทีมชาติอังกฤษ รูนี่ ก็ก้าวขึ้นมาเป็นบุคคลสำคัญภายในทีมด้วยการโชว์ผลงานอันน่าทึ่ง ด้วยสไตล์การเล่นที่ดุดัน กล้าหาญ และมีทักษะที่เป็นพรสวรรค์ของเขา รูนี่ กลายเป็นความหวังที่จะพาทีมชาติอังกฤษไปสู่ความสำเร็จ แต่แล้วทุกอย่างก็พังทลายเมื่อ รูนี่ ได้บาดเจ็บรุนแรง ในเกมที่พบกับ ทีมชาติโปรตุเกส จนต้องถูกเปลี่ยนตัวออกจากสนาม ก่อนที่ทีมชาติอังกฤษจะพ่ายแพ้ต่อทีมชาติโปรตุเกสด้วยการดวลจุดโทษไปอย่างน่าเสียดาย
เวย์น รูนี่ย์ กลายเป็นนักเตะวัยรุ่นที่มีค่าตัวแพงที่สุดในโลก ซึ่งในตอนนั้น เขามีอายุ 19 ปี โดยรูนี่ย์ ได้ตกลงเซ็นสัญญาย้ายมาอยู่กับ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ด้วยค่าตัวกว่า 25.6 ล้านปอนด์ พร้อมกับ รูนี่ย์ ได้ประเดิมสนามกับแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ด้วยเสื้อหมายเลข 8
โดยในวันเปิดตัวแถลงข่าว เซอร์อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน ผู้จัดการทีมของแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดในขณะนั้น ได้กล่าวไว้ว่า เขามีความรู้สึกตื่นเต้นเป็นอย่างยิ่ง ที่สามารถคว้าตัวนักเตะที่เก่งที่สุดในรอบ 30 ปีของประเทศอังกฤษมาร่วมทีมได้
รูนี่ย์ สามารถทำผลงานอันยอดเยี่ยมให้กับแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดตั้งแต่ในเกมนัดแรกที่เขาได้ลงสนาม ด้วยการทำแฮตทริก ในเกมที่พบกับ เฟแนร์บาห์เช ในศึกยูฟ่า แชมเปียนส์ลีก และในเกมพรีเมียร์ลีก เขายิงประตูแรกได้ในเกมที่แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เอาชนะ อาร์เซนอล 2-0 ซึ่งเป็นการฉลองวันเกิดอายุครบ 19 ปี ของเขาเองด้วย
การค้าแข้งอยู่ในแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด รูนี่ย์ ได้อยู่ร่วมกับเพื่อนร่วมทีมที่เป็นนักเตะระดับแนวหน้าของโลก โดยเฉพาะในรายของ รุด ฟาน นิสเตลรอย ดาวยิงอันดับหนึ่งของแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ซึ่งมันทำให้เขามีพัฒนาการที่ก้าวกระโดด และเมื่อ รุด ฟาน นิสเตลรอย ได้ย้ายออกจากแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เวย์น รูนี่ย์ ก็ได้มารับช่วงต่อเสื้อหมายเลข 10 ต่อจากดาวยิงระดับโลกรายนี้ทันที
ช่วงเวลาที่ รูนีย์ อยู่กับแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เขาได้มีโอกาสได้ลงสนามร่วมกับดาวเตะระดับโลกมากมาย อย่าง คริสเตียโน โรนัลโด้ จนต่อมา เขาทั้งสองได้กลายมาเป็นคู่หูที่ช่วยกันไล่ล่าความสำเร็จอย่างมากมายในกับทางแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด
ในปี 2014 มีการเปลี่ยนแปลงหลายๆ อย่างภายในทีมแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด รูนี่ย์ ได้รับเลือกให้เป็นกัปตันทีมแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ภายหลังจากที่ เนมันยา วิดิช ได้ย้ายออกไปร่วมทีม อินเตอร์ มิลาน รวมถึงการมารับตำแหน่งผู้จัดการทีมคนใหม่ของ ลูวี ฟัน คาล
ตลอดระยะเวลาตั้งแต่ ปี 2004-2017 เวย์น รูนี่ย์ ได้ลงสนามได้มากมายถึง 559 นัด และทำประตูไปทั้งหมดในทุกรายการ 253 ประตู กลายเป็นนักเตะที่ทำประตูได้มากที่สุดของสโมสรแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด สามารถคว้าเหรียญรางวัลให้กับตัวเองได้มากถึง 16 รายการ
ทั้งนี้ รูนี่ย์ เป็นนักเตะอังกฤษ ที่ประสบความสำเร็จตั้งแต่อายุยังไม่ถึง 20 ปี กับทีมแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด รวมถึงทีมชาติอังกฤษ โดยมีการตั้งฉายาให้กับเขาว่า “หมูบิน” เนื่องจากตั้งตามรูปร่างของ รูนี่ย์ ที่เจ้าเนื้อ อวบอั๋น